เมนู

2. โลมสกังภิยสูตร*



วิหารธรรมของพระเสขะ ต่างกับของพระพุทธองค์



[1369] สมัยหนึ่ง ท่านพระโลมสกังภิยะอยู่ ณ นิโครธาราม ใกล้
เมืองกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ครั้งนั้น เจ้าศากยะพระนามว่ามหานาม เสด็จ
เข้าไปหาท่านพระโลมสกังภิยะถึงที่อยู่ ถวายนมัสการแล้ว ประทับนั่ง ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ตรัสถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ สมาธิอัน
สัมปยุตด้วยอานาปานสตินั้น เป็นวิหารธรรมของพระเสขะ เป็นวิหารธรรม
ของพระตถาคต หรือว่าวิหารธรรมของพระเสขะอย่างหนึ่ง ของพระตถาคต
อย่างหนึ่ง ท่านพระโลมสกังภิยะถวายพระพรว่า ดูก่อนมหาบพิตร สมาธิอัน
สัมปยุตด้วยอานาปานสตินั้นแล เป็นวิหารธรรมของพระเสขะ เป็นวิหารธรรม
ของพระตถาคต หามิได้ วิหารธรรมของพระเสขะอย่างหนึ่ง ของพระตถาคต
อย่างหนึ่ง.
[1370] ดูก่อนมหาบพิตร ภิกษุเหล่าใดเป็นเสขะ ยังไม่บรรลุ
อรหัตผล ย่อมปรารถนาความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยมอยู่ ภิกษุเหล่านั้น
ย่อมละนิวรณ์ 5 นิวรณ์ 5 เป็นไฉน คือ กามฉันทนิวรณ์ พยาบาท
นิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์ ภิกษุเหล่าใด
เป็นเสขะ ยังไม่บรรลุอรหัตผล ย่อมปรารถนาความเกษมจากโยคะอัน
ยอดเยี่ยมอยู่ ภิกษุเหล่านั้นย่อมละนิวรณ์ 5 เหล่านี้.
[1371] ดูก่อนมหาบพิตร ภิกษุเหล่าใดเป็นพระอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว บรรลุ
ประโยชน์ตนแล้ว สิ้นสังโยชน์เครื่องนำไปสู่ภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้
โดยชอบ นิวรณ์ 5 อันภิกษุเหล่านั้นละได้แล้ว ถอนรากเสียแล้ว กระทำไม่
* อรรถกถา กล่าวว่า มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น I